ข้อแนะนำก่อนทำประกัน

  • ควรศึกษาข้อเปรียบเทียบเรื่องการประกันภัยจากหลายๆ บริษัท เพื่อดูข้อดีข้อเสียของแต่ละที่ โดยสอบถามจากบริษัทตัวแทนประกันโดยตรง
  • ค้นหาข้อมูลจากเว็บไซต์ที่รวบรวมความเห็นของผู้บริโภคเกี่ยวกับการทำประกันภัยต่างๆ ทั้งข้อดีและข้อเสียที่ได้รับจากประสบการณ์จริง อย่างไรก็ตามข้อมูลที่มีผู้เขียนตามเว็บไซต์อาจเป็นบริษัทประกันมาเขียนเชียร์เอง จึงควรใช้ความพินิจพิเคราะห์เปรียบเทียบข้อมูลจากหลายๆ ด้านเช่นกัน
  • การซื้อสัญญาแนบท้าย เพื่อรับความคุ้มครองในกรณีอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ประกันสุขภาพ ประกันโรคร้ายแรง ประกันอุบัติเหตุ เป็นต้น ค่าเบี้ยประกันของสัญญาแนบท้ายจะไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้
  • การซื้อประกันชีวิตแบบควบการลงทุน ผู้ซื้อควรจะต้องมีความรู้เรื่องการลงทุน รวมถึงความเข้าใจเรื่องของความเสี่ยงจากการลงทุนอยู่ด้วย เพราะอาจเกิดความเสียหายต่อมูลค่าเงินลงทุนในกรมธรรม์ของตัวเองได้ ดังนั้น จึงควรศึกษาข้อมูลรายละเอียดให้ดีก่อนตัดสินใจ และหากคิดว่าตัวเองมีความรู้เรื่องของการลงทุนไม่มากพอ ควรปรึกษาตัวแทนหรือผู้แนะนำการลงทุน (Investment Consultant) ที่มีความรู้เรื่องการลงทุนเป็นอย่างดี

 

ประกันภัยที่เหมาะกับวัยทำงาน

ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์

คุ้มครองผู้เอาประกันภัย โดยมีกำหนดระยะเวลาประกันภัยที่แน่นอน เช่น 10 ปี 20 ปี หรือครบอายุ 60 ปี การจ่ายเงินผลประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันภัยเสียชีวิตหรืออยู่จนครบสัญญา ซึ่งกรณีเสียชีวิตภายในระยะเวลาประกัน บริษัทประกันจะจ่ายเงินเอาประกันภัยให้กับผู้รับผลประโยชน์ แต่หากผู้เอาประกันภัยส่งเงินประกันครบและมีชีวิตอยู่จนครบกำหนดสัญญา จะได้รับเงินเอาประกันภัยคืน

เหมาะกับผู้ที่ต้องการออมทรัพย์และการคุ้มครองชีวิตไปพร้อมๆ กัน และสามารถใช้สิทธิ์นำค่าเบี้ยประกันที่จ่ายไปลดหย่อนภาษีได้ แต่ค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบนี้จะมีค่าเบี้ยที่ค่อนข้างสูง จึงควรเปรียบเทียบข้อเสนอจากบริษัทประกันหลายๆ แห่งก่อนตัดสินใจ

ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ

คุ้มครองผู้เอาประกันภัยตลอดชีพหรือจนถึงผู้เอาประกันภัยมีอายุ 90 ปี กรณีเสียชีวิตในขณะที่กรมธรรม์มีผลบังคับ บริษัทประกันจะจ่ายเงินเอาประกันภัยให้กับผู้รับผลประโยชน์ หรือจ่ายเงินเอาประกันภัยให้กับผู้เอาประกันภัยเมื่ออายุ 90 ปี

เหมาะกับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองชีวิตและต้องการเงินทุนสำหรับค่าใช้จ่ายครั้งสุดท้ายหรือมอบเป็นมรดกแก่ทายาท สามารถใช้สิทธิ์นำค่าเบี้ยประกันที่จ่ายไปลดหย่อนภาษีได้ แต่ค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบนี้จะมีค่าเบี้ยที่ค่อนข้างต่ำกว่าประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์

ประกันชีวิตแบบบำนาญ

คุ้มครองรายได้ที่สม่ำเสมอเมื่อเกษียณอายุ, ทุพพลภาพ โดยมีการกำหนดวันเริ่มจ่ายเงินได้ประจำ (บำนาญ) หลังการเกษียณอายุ หรือมีอายุครบ 55 ปี หรือ 60 ปีเป็นต้นไป บริษัทประกันจะจ่ายเงินให้ผู้เอาประกันภัยเป็นรายงวดเท่ากันทุกงวดอย่างสม่ำเสมอ (งวดรายเดือน 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี)เป็นระยะเวลาสูงสุดไม่เกิน 85 ปีหรือจนกว่าผู้เอาประกันภัยเสียชีวิต

เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองชีวิตและเงินสะสมไว้ใช้จ่ายยามชรา สามารถใช้สิทธิ์นำค่าเบี้ยประกันที่จ่ายไปลดหย่อนภาษีได้ตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร การประกันชีวิตแบบบำนาญมีข้อดีในแง่ของการคุ้มครองชีวิตระหว่างที่ยังมีรายได้จากการทำงานอยู่ และมีรายได้ประจำให้หลังเกษียณอายุแล้ว

ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล

คุ้มครองผู้เอาประกันภัยกรณีเสียชีวิต และเหตุอื่นๆ อันเนื่องมาจากอุบัติเหตุ

ประกันอุบัติเหตุมีหลายรูปแบบ ทั้งแบบที่ให้ความคุ้มครองการเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพ ค่ารักษาพยาบาลอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุ และเงินรายได้ชดเชยรายวันกรณีเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล (คนไข้ใน) ซึ่งจำนวนค่าเบี้ยประกันภัยจะขึ้นอยู่กับวงเงินคุ้มครองหรือจำนวนเงินเอาประกันภัย โดยทั่วไปประกันอุบัติเหตุจะเป็นประกันแบบปีต่อปี หากปีไหนไม่ต้องการทำประกันก็สามารถหยุดชำระเบี้ยประกันได้

ประกันสุขภาพ

คุ้มครองเกี่ยวกับสุขภาพ การรักษาอาการเจ็บป่วยของผู้เอาประกัน ซึ่งผู้เอาประกันภัยสามารถเลือกซื้อสัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองสุขภาพได้ เช่น ความคุ้มครองค่าห้อง ค่ารักษาพยาบาล เป็นต้น หรือเลือกซื้อสัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองโรคร้ายแรง โดยผู้เอาประกันภัยจะได้รับความคุ้มครองกรณีเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง

ช่วงวัยทำงาน เป็นช่วงวัยที่ร่างกายยังคงแข็งแรง โดยส่วนใหญ่จะมีสวัสดิการที่ได้รับจากบริษัทหรือจากกองทุนประกันสังคมอยู่ แต่ทว่าความคุ้มครองเหล่านั้น อาจไม่ครอบคลุมเพียงพอกับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต ดังนั้นจึงควรสังเกตตนเองก่อนว่าเป็นคนเจ็บป่วยบ่อยหรือไม่ ต้องใช้ชีวิตเดินทางเป็นประจำหรือต้องทำงานอยู่กับสภาวะแวดล้อมที่ทำให้สุขภาพย่ำแย่หรือไม่ หากชีวิตอยู่ในความเสี่ยงเหล่านี้ก็ควรทำประกันสุขภาพเพิ่มเติมไว้ เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการสร้างหลักประกันสุขภาพให้กับตนเอง เพราะนอกจากผู้เอาประกันจะมีสิทธิ์ในการเลือกสถานพยาบาล และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ตนเองต้องการแล้ว ยังช่วยจำกัดภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นอีกด้วย

แบบควบการลงทุน

ประกันชีวิตควบการลงทุน เป็นรูปแบบการประกันที่ผสมผสานประโยชน์ของการคุ้มครองชีวิตและการลงทุนเข้าไว้ด้วยกัน โดยให้ความคุ้มครองผู้เอาประกันภัยกรณีเสียชีวิต และให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งปัจจุบันมี 2 รูปแบบได้แก่ Unit Linked และ Universal Life

ประกันชีวิตแบบ Universal Life (UL) มีความคล้ายคลึงกับแบบ Unit Linked อย่างมาก ต่างกันก็เพียงแค่ UL มีความแน่นอนของผลตอบแทนมากกว่า ความเสี่ยงต่ำกว่า และมีการการันตีผลตอบแทนขั้นต่ำ โดยมีบริษัทประกันเป็นผู้บริหารการลงทุนเอง ขณะที่แบบ Unit Linked ผู้เอาประกันภัยจะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่า แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงกว่า และผู้เอาประกันภัยต้องเป็นคนบริหารการลงทุนเอง รับผิดชอบความเสี่ยงและผลขาดทุนด้วยตัวเอง

เหมาะกับผู้ที่มีเป้าหมายทำประกันเพื่อคุ้มครองชีวิต โดยต้องการได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าประกันแบบตลอดชีพ หรือแบบสะสมทรัพย์