สวัสดีครับ
ขอบคุณที่แวะมาชมเว็บไซต์ bhusit.net นะครับ

เพื่อนๆ เรียกผม Boy / iBoy / BBoy / LungBoy / NaaBoy / LifeBoy ก็ได้นะครับ ผมเป็นคนที่ชอบเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะผมทำงานสายงานพัฒนาเว็บไซต์มานับสิบปี

ชีวิตส่วนตัว | ก็แค่บ่นๆไป

ปัจจุบัน ผมรับราชการ เป็น “ข้าราชการพลเรือน” หลายคนอาจนึกถึงภาพของบุคคลที่สวมเครื่องแบบ ปฏิบัติหน้าที่ตามระบบราชการ ทำงานในสำนักงาน หรือปฏิบัติงานภาคสนาม เพื่อประเทศชาติและประชาชน แต่เบื้องหลังเครื่องแบบนั้น ยังมี "ชีวิตส่วนตัว" ที่เต็มไปด้วยเรื่องราว ความรู้สึก และภาระที่ไม่ต่างจากประชาชนทั่วไป

หน้าที่เพื่อส่วนรวม แต่หัวใจก็เป็นคนธรรมดา

ข้าราชการจำนวนมากทำงานด้วยอุดมคติที่ว่า “อยากเป็นผู้รับใช้ประชาชน”
ไม่ว่าจะเป็นครูที่ดูแลนักเรียนเสมือนลูก, เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนที่ลงพื้นที่ทุกวัน, หรือหมอและพยาบาลในโรงพยาบาลรัฐที่ต้องดูแลคนไข้วันละนับร้อยคน

แม้งานที่ทำจะมี เป้าหมายเพื่อ “สังคม”
แต่เมื่อเลิกงานกลับบ้าน พวกเขาก็ยังคงเป็น

- พ่อแม่ที่ต้องดูแลลูก
- ลูกหลานที่มีพ่อแม่แก่ชราให้ห่วงใย
- คนธรรมดาที่มีความฝัน ความเหนื่อยล้า และความรัก

 

 

ชีวิตที่ไม่หยุดแค่ในเวลาราชการ

ข้าราชการหลายคนต้องทำงานนอกเวลาราชการ โดยไม่ได้ค่าตอบแทนเพิ่มเติม

  • ตอบข้อความประชาชนทางไลน์แม้ในวันหยุด

  • ครูไปเยี่ยมบ้านนักเรียนหลังเลิกเรียน

  • ประชุมตอนเย็น หรือลงพื้นที่ในวันหยุดนักขัตฤกษ์

เวลาส่วนตัวจึงถูกลดทอนลง เพื่อแลกกับภารกิจเพื่อส่วนรวม

ความกดดันและความคาดหวัง

ชีวิตของข้าราชการไม่ได้ง่ายเสมอไป
หลายคนเผชิญกับระบบราชการที่ซับซ้อน
ถูกคาดหวังให้ “เป็นบุคคลที่สมบูรณ์แบบ” จากสังคม
แต่ในความเป็นจริง ข้าราชการก็เป็นเพียงคนคนหนึ่งที่มีข้อจำกัด ทั้งด้านเวลา พลังงาน และจิตใจ

“คนทำดีอาจไม่ได้ถูกพูดถึงเสมอ
แต่คนพลาดเพียงครั้งเดียว อาจถูกตำหนิทั้งชีวิต”

ความกดดันเหล่านี้ กลายเป็นภาระทางใจ ที่ข้าราชการจำนวนมากต้องรับไว้โดยไม่แสดงออก

ข้าราชการไม่ใช่เพียง "กลไกของรัฐ" แต่คือ “คนธรรมดา” ที่มีหัวใจ
ชีวิตส่วนตัวของเขาอาจเต็มไปด้วยภาระ ความเหนื่อยล้า และบางครั้งก็ความเหงา
แต่ภายใต้ชีวิตส่วนตัวนั้น ยังมีความมุ่งมั่น ที่อยากเห็นสังคมดีขึ้นอยู่เสมอ

เพราะสำหรับข้าราชการหลายคน

หน้าที่ คือ เกียรติ
แต่ความสุข คือ ครอบครัว ความเข้าใจ และความรักจากคนรอบข้าง”

 

ภูษิตคิดอะไรอยู่ ? กับการทำงานในอนาคตที่มีการเปลี่ยนแปลงในทุกด้านอยู่เสมอ

ในยุคที่โลกหมุนเร็วกว่าที่เคยเป็นมา การทำงานไม่ได้มีความหมายเพียงแค่การมีอาชีพประจำ หรือ รายได้ที่มั่นคง อีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นพื้นที่ของความท้าทาย ความไม่แน่นอน และการปรับตัวที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง วันนี้ผมจึงตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ภูษิต คิดอะไรอยู่ ?” เมื่อเผชิญหน้ากับอนาคตของการทำงานที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

การเปลี่ยนแปลงของโลกการทำงาน

การเข้ามาของเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI), ระบบอัตโนมัติ (Automation), และการทำงานจากที่ใดก็ได้ (Remote Work) อาทิงานที่ผมทำอยู่ เช่น งานพัฒนาเว็บไซต์ งานสื่อสารดิจิทัลบนสังคมออนไลน์ ได้พลิกโฉมวิธีการทำงานแบบเดิม คนไทยจำนวนมากเริ่มตระหนักว่า ** งานที่มั่นคงเมื่อวาน อาจไม่ใช่งานที่มีอยู่ในวันพรุ่งนี้ **

ในขณะที่บางคนรู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสใหม่ๆ แต่หลายคน (ผมก็เคยรู้สึกด้วย) ก็รู้สึกถึงความไม่มั่นคง และตั้งคำถามกับอนาคตของตนเอง เช่น

> “ถ้าหุ่นยนต์ทำงานแทนได้ แล้วเราจะทำอะไร?”
> “ต้องเรียนรู้ทักษะอะไรถึงจะอยู่รอด?”
> “อาชีพที่เราทำอยู่จะอยู่ไปอีกกี่ปี?”

ทัศนะและความคิดของ ภูษิต

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทัศนคติของคนผมต่อการทำงานเริ่มเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ:

* คนรุ่นใหม่เริ่ม ** แสวงหาความหมายในการทำงาน ** ไม่ใช่แค่ เงินเดือน
* คนวัยกลางคนเริ่มคิดถึง ** การเรียนรู้ใหม่และอาชีพเสริม ** เพื่อ ความมั่นคงในระยะยาว
* คนทำงานจำนวนมากเริ่มมองหา ** ความสมดุลชีวิต (Work-Life Balance) ** แทน การทำงานหนักแบบเดิม

ในอีกด้านหนึ่ง ยังมีความท้าทายทางโครงสร้าง เช่น

* ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ทำให้หลายคนเข้าไม่ถึงทักษะใหม่
* ระบบราชการและการศึกษาที่ยังล้าหลัง ทำให้การเตรียมความพร้อมของแรงงานล่าช้า
* คนบางกลุ่มยังมีความกลัวที่จะเปลี่ยนแปลง เพราะเคยชินกับความมั่นคงแบบเดิม

การปรับตัวและการเรียนรู้ตลอดชีวิต

อนาคตของการทำงานไม่ใช่เรื่องของเทคโนโลยีเท่านั้น แต่คือเรื่องของ “คน” และความสามารถในการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) คนไทยที่ตระหนักถึงจุดนี้จึงเริ่มมีการ:

* เรียนรู้ทักษะดิจิทัล เช่น Coding, Data, Marketing
* หันมาใช้แพลตฟอร์มออนไลน์สร้างรายได้
* ร่วมกลุ่มเรียนรู้ สร้างเครือข่าย และแบ่งปันความรู้กันมากขึ้น

สิ่งเหล่านี้คือ สัญญาณของการปรับตัว แม้จะยังไม่ทั่วถึง แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่าน

บทสรุป: ภูษิตกับอนาคตการทำงาน

ภูษิต คิดอะไรอยู่ ? เราคิดถึงความอยู่รอด คิดถึงโอกาส คิดถึงการเปลี่ยนแปลง คิดถึงครอบครัว และที่สำคัญ คิดถึงการมีชีวิตที่ดีในโลกที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
แม้จะมีความกลัว ความไม่แน่ใจ และข้อจำกัด แต่สิ่งที่เห็นชัด คือ **พลังของความหวังและความสามารถในการปรับตัวของเราเอง* ซึ่งเป็นคุณลักษณะสำคัญที่จะพาเราเดินหน้าต่อไป

---